This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เก็บความรักใส่กุญแจไว้ ไม่เคย

    สมัยก่อน การสื่อสารยังไม่ค่อยทันสมัย หนุ่มสาวที่รักกันชอบกันกว่าจะพบเจอหรือพูดคุยกันแต่ละครั้งก็ต้องพบกันที่บ้าน แบบว่าให้ผู้ใหญ่ได้เห็นและรู้จักหรืออยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ประมาณนั้น แต่บางคู่ก็เจออุปสรรคต่างๆ นา นา แบบว่าพ่อดุ แม่หวง พี่ชายห่วง จะพบเจอพูดคุยกันแต่ละครั้งก็ยากเย็นเข็นใจจริงๆ หรืออาจไม่ได้พบกันเลย ก็ย่อมต้องคิดถึงและโหยหากัน อยากเจอหน้า อยากอยู่ใกล้กันเป็นธรรมดา ก็ขอไปด้อมๆ มองๆ แถวบ้านซักหน่อย เผื่อจะได้เห็นคนที่เรารักและอยากเจอเดินไปมาบ้างซักนิดนึงให้พอชื่นใจ หรือถ้าหากไม่ได้เห็นตัวคน ได้เห็นแค่ตัวบ้านหรือหลังคาก็ถือว่าได้มาอยู่ใกล้ๆ ให้ชื่นใจได้บ้างแล้ว 
[ไม่พบหน้า เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี]
    แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีการสื่อสารสูงส่งมากมาย ไม่ได้เจอหน้ากันก็ยังได้ยินเสียงทางโทรศัพท์หรือเห็นหน้ากันทางคอมพิวเตอร์ได้ รวดเร็วทันใจกว่าต้องเดินทางไปดูหลังคาบ้านอีก อ้อ! ดูหลังคาบ้านทาง Google Map ก็ได้นะครับ ฮา.. ก็ถือว่าประโยคนี้ยังใช้ได้อยู่บ้าง แต่อาจจะน้อยลงไปหน่อยสำหรับยุคสมัยนี้
   สำหรับ "รักแรก" ยังใช้ได้อยู่ครับ เวลาผ่านบ้านเขาจะมองแล้วมองอีก ไม่ว่าจะเห็นหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือหลังคาบ้าน ก็ตั้งใจมอง เผื่อจะได้เห็นเขาแว็บๆ ก็ดียังดีจริงไหมครับ รักแรกมักจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ..ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาบ้าน...ก็ยังดี...แต่พออยู่กันไปนาน ๆ อยากเอากลับไปส่งคืนที่บ้าน... 5555+
   สำหรับคนที่บูชาความรัก ชนิดที่ว่า บ้าบิ่น ได้ฟังเพลงนี้ แล้วคงลดอารมณ์ ลงเยอะเลยครับ เป็นเพลง รัก แบบซื่อ ดนตรีใสๆ ผมเลยนึกถึง บรรยากาศ ชนบท ประกอบกับ ผมชอบส่วนตัวด้วย ผมว่า..ชนบท ชีวิตที่เรียบง่าย สงบ อบอุ่นดีครับ เลยนำภาพมาฝากด้วยครับ....

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไม่เคย คาราบาว
 ไม่เคย - คาราบาว, กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร
เพลง : ไม่เคย
ศิลปิน : เขียว คาราบาว
เนื้อเพลง :

แอบเอาไปฝัน แอบเอาไปเพ้อ
เพ้อ เพ้อ เพ้อในดวงใจ
เก็บเอาความรัก ใส่กุญแจไว้
กลัวแมวจะมาขโมย

ก็คงต้องบอกความจริงกับเธอสักวัน
ว่าใครคนหนึ่งจริงใจต่อเธอ
แล้วเราจะบอก ความจริงกับเธอยังไง
เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคย

สุขก็ปานนี้ ดิบก็ปานนั้น ฝัน ฝัน ฝันตามลำพัง
เก็บเอาความรัก หอบเอาความหวัง
ยังกับคนบ้าหอบฟาง

สักวันต้องบอกความจริงกับเธอแน่นอน
ว่าเธอคือหนึ่งในดวงใจนี้
แล้วเราจะบอกความจริงกับเธอยังไง
เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคย

ฝัน ฝัน ฝัน ก็ได้แต่ ฝัน ฝัน ฝัน
เพ้อ เพ้อ เพ้อ ก็ได้แต่ เพ้อ เพ้อ เพ้อ
รักไม่บอก ไม่รักไม่บอก หอบไปเถอะ รักลมลม

หอบเอาความรัก หอบเอาความหลง
หลง หลง หลง ในตัวเธอ
แอบไปยืนยิ้ม แอบไปนอนเพ้อ
ยังกับคนไม่เต็มเต็ง

ช่วยวานบอกความจริงกับเธอให้ที
ว่ามีคนบ้าหอบรักมาฝาก
ว่าคนที่ชอบมายืนแอบมองทุกวัน
นั้นยืนตัวสั่นเพราะยังไม่เคย..รักใคร
---------------------------------------------

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ puppy love
 

**เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมจึงเรียก รักแบบหนุ่มสาว ว่า ปั๊ปปี้ เลิฟ Puppy Love

Puppy Love แปลว่ารักแบบลูกหมา 
พฤติกรรมนี้เกิดกับคนบางคนที่ชอบเห่อลูกสุนัข เพราะสุนัขนั้นตอนเด็กๆมันหน้าตาจะน่ารัก
ไม่ว่าจะพันธุ์อะไร ขึ้นชื่อว่าลูกหมาบ๊องแบ๊วทุกราย ทำให้เจ้าของหลงนักหลงหนา
เอาใจใส่ดูแลแทบไม่คลาดสายตา แต่พอมันโตขึ้น ก็ไม่น่ารักเหมือนเดิม

นิทานเรื่องนึ้จึงสอนให้รู้ว่า
บรรดาพวกที่รักแบบปุ๊บปั๊บวูบวาบเหล่านี้ ตกอยู่ในอาการปั๊ปปี้เลิฟทั้งสิ้น
ซึ่งบางคนแม้จะเลยวัยรุ่นมาแล้ว อาการนี้ก็ยังไม่หาย
แต่ที่ผู้คนชอบมาใช้กับวัยรุ่นก็เพราะวัยนี้ไม่ได้จริงจังอะไรกับความรัก
เวลารักแล้วก็รู้สึกรักมากเหลือเกิน แต่แว้บเดียวก็จะหมดอาการรักไปไม่รู้สาเหตุ

[puppy love ]ของแต่ละท่าน ครับ
avatar
จำได้ค่ะ ตอนป.5 คือเราเรียนห้องเดียวกับเขาตั้งแต่ป.2
ไปไหนไปด้วยกัน ตอนเช้ามาโรงเรียนก็รอเจอกัน
แล้วตอนป.5 เราต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อกับแม่ไปทำงานที่กาญจนบุรี
ก็เลยออกจากโรงเรียนเทอม2 เราก็บอกเขานะว่าเราจะย้ายรร.
คงจะไม่ได้เจอกันแล้ว แล้วเขาก็ไปอัดเพลงฝรั่งเพราะๆมาให้
จำได้อยู่เพลงเดียวคือเพลง my heart will go on
เขาบอกว่าค่อยฟังตอนเราไปถึงกาญจนบุรีแล้ว แต่เราอยากฟังก่อน
ก็เลยเปิดฟังบนรถ เอิ่ม มันไม่ทันแล้ว ไม่อยากย้ายรร.เลย
พอจบป.6 เราก็ย้ายกลับมาต่อม.1ที่รร.เดิม แต่เขาก็ย้ายออกไปแล้ว
แล้วก็ไม่รุ้ไปอยู่ไหน ทุกวันนี้ยังพยายามค้นเฟสบุ้คอยู่เลย แต่ไม่เจอ
-------------------------------
avatar
เจอกันตอนประถมปลายที่เรียนพิเ๋ศษ บังเอิญพ่อแม่รู้จักกันด้วย
สนิทกันมากอ่ะ เราจะอยู่เย็นรอพ่อแม่เค้ามารับเค้ากลับบ้านทุกวัน (บ้านเราใกล้ที่เรียนมาก เดินกลับบ้านยังได้เลย)
เค้าชวนไปเที่ยวบ้าน ไปดูปลาคาร์ฟ เค้าบอกว่า ถ้าเธอเห็นเธอต้องชอบแน่เลย
อยากให้เธอไปเห็น ไ่ม่เคยชวนใครเลยนะ ชวนเธอคนเดียวเท่านั้น << คืนนั้นนอนไม่หลับเลย หัวใจฟูมาก

จนมาวันนึง เพื่อนล้อ เราอาย เค้าก็อาย เลยไม่ยอมคุยกัน แล้วก็ห่างกันไปเลย
บางทีเราตามพ่อไปงาน พ่อเค้าก็มางานแล้วก็พาเค้ามาด้วย พ่อทักกัน ลูกสวัสดีพ่อของกันและกัน
แต่ลูกกับลูกกลับไม่คุยกัน ไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน พ่อเราสองคนก็ว่า เออเนอะไอ้เด็กสองคนนี่ทำเป็นจำกันไม่ได้ T T
ครั้งนึงเค้าเคยมาแข่งวิชาการที่โรงเรียนเรา มาคนเดียวไม่มีเพื่อนด้วยนะ
เราอยากไปนั่งเป็นเพื่อนเค้าเหมือนเมื่อก่อน แต่ต้องหักห้ามใจไม่เข้าไป เพราะอะไรๆ มันคงไม่เหมือนเดิมแล้ว

พอเค้าเข้ามัธยม ก็ไม่ได้เจอกันอีก
--------------------------------------
avatar
ตอน ม.2 แอบชอบเพื่อนต่างห้อง เรียกว่ารักแรกพบก็ได้ เห็นปุ๊บปิ๊งปั๊บ สเป็คเลย
แต่ก็ได้แต่แอบชอบ แอบมอง แอบเป็นห่วงอยู่ไกลๆ ไม่กล้าแสดงออก เพราะสาวเค้าเยอะ
แบบว่าตอนนั้นบ้ามาก เก็บทุกรายละเอียด ขนาดมองเห็นแค่ขาเดินมาก็รู้ว่าเป็นเค้า >_<
พอจบ ม.3 เค้าก็ย้ายไปเรียนที่อื่นค่ะ เราก็แห้งเหี่ยวไป แต่ไม่นานหรอกก็มีคนให้ปลื้มอีก 555+
แต่ใครจะรู้ แฟนคนปัจจุบันหน้าตาดันคล้ายกับรักครั้งแรกของเรา เรายังแปลกใจเลย ถือว่าได้ตามสเป็ค ^^
--------------------------------------
avatar
ตอนป.6 ครับ
นั่งเรียนไปมองหน้ากันไป สุขหัวใจเหลือเกิน ผมเคยทะลึ่งชวนเธอแต่งงาน แต่เธอเป็นฉลาด มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าผมเยอะ 
เลยบอกว่ารอให้จบ ป.6ก่อนแล้วกัน เสียดายเรียนจบป.6 เธอย้ายบ้านซะก่อน ไม่งั้นคงได้แต่งงานกันแล้ว 5555+
 
 
  
  
 
    ธรรมชาติของมนุษย์เรานั้น ทุกคนเกิดมาก็ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ตอนเรายังเด็กๆ ก็ต้องการความรักจาก พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ถ้าโตขึ้นมาหน่อย ก็ต้องการความรักจากเพื่อน และพอวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยของคนหนุ่ม คนสาวนั้น เป็นวัยที่เรียกร้องความรัก จากบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะจาก “คนรัก” โดยช่วงเวลานี้ 
    วัยรุ่นอาจจะลืมความรักที่พ่อ แม่ เคยมอบให้มาตั้งแต่เด็ก โดยวัยคึกคะนอง  ของคนหนุ่ม สาวนั้น เข้าใกล้ หรือใกล้ชิดกันเพราะความโหยหา ซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการภายในจิตใจและแรงผลักดันของฮอร์โมนเพศ ให้แสดงออกมาซึ่งการกระทำ ในการจูบ กอด การแสดงความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน โดยความรักในช่วงนี้จะเป็นความรักที่รุนแรง ความรักแบบทุ่มเท ไม่กลัวความผิดหวัง ซึ่งความจริงทุกคนก็ย่อมรู้ถึงธรรมชาติของความรักว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่ก็มักจะคิดตรงกันข้าม “ที่ใดมีรัก ที่นั่นต้องมีเธอและฉันเคียงข้างกันเสมอ” การที่ได้รักใครสักคน หรือตกหลุมรักใครแล้ว เปรียบเสมือนไฟสุมทรวง ที่ต้องแสดงออกให้คนนั้นได้รับรู้ แต่หากหนุ่ม สาว คู่ใดที่ รู้จักที่จะรักให้เป็นแล้ว ก็คงพร้อมที่จะรับมือกับความผิดหวังและความเสียใจที่จะเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งจะทำให้มีชีวิตที่สมหวัง และมีความสุขกับความรักมากกว่าที่จะทุกข์ทรมานกับความรักนะครับ
     ข้อนี้สำคัญ ครับ ผมจะทำตัวหนาไว้เลยครับ สำหรับวัยรุ่น เรื่องเพศสัมพันธ์ หากหนุ่มสาวได้ใกล้ชิดกันแล้ว คงจะห้ามไม่ได้ที่จะมีเรื่องของเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นแต่จะทำอย่างไรไม่ให้เพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าจะถามกันจริงๆแล้ว “การมีเพศสัมพันธ์หรือเซ็กซ์ทีปลอดภัยนั้นมีหรือไม่” คำตอบก็คือว่า ไม่มีครับ ผมเน้น เลยว่า ไม่มี  เพราะถ้าคิดจะเริ่มมีเซ็กซ์หรือเพศสัมพันธ์กันแล้ว ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น หากคิดที่จะมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ก็คงต้องรู้จักวิธีการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรค หรือการตั้งครรภ์ที่จะตามมา โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นซึ่งอยู่ในวัยเรียนด้วยแล้ว อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเรียนได้นะครับ

     อย่างไรก็ตาม ผมเองก็ขอเอากำลังใจช่วย สำหรบผู้ที่ มีปัญหาและอุปสรรค ในเรื่องของ "ความรัก" ผมอยากให้คุณมองความรักแต่ละช่วง แต่ละยุค แต่ละสมัย และนำมาหาเหตุและผล ว่าทำไม สมัยก่อน เขาทำกันแบบนั้น ทำไม คุณพ่อ คุณแม่เรา ต้องให้เราและคนที่เรารัก อยู่ในสายตาของท่าน ....ก็เพราะความรักที่ท่านมีต่อเราแหละครับ ก็ให้ความรักที่คุณมี นำพา ชีวิต ของแต่ละคู่ ไปสู่อนาคตที่สดใส นะครับ...........
 
สุขและทุกข์ รวมอยู่ในความรัก ดูแลซึ่งกันและกัน ถนอมความรักต่อกันไว้นะครับ....Fb-26
1

ขอขอบคุณภาพจาก Internet
ขอขอบคุณ  Puppy Love http://www.exits.in.th/


ไม่เคย - เขียว คาราบาว

ดอกโบตั๋น

     สำหรับชื่อ "โบตั๋น" ในภาษาไทยนั้น มาจากชื่อดอกไม้นี้ในภาษาญี่ปุ่นว่า "โบะตัง" แต่บางคนก็ว่า มาจากชื่อในภาษาจีนว่า "หมู่ตัน"  ส่วนในภาษาอังกฤษเรียกว่า "peony" โดยมีตำนานเล่าว่า ตั้งตามชื่อของไพอัน (Paean) ศิษย์คนหนึ่งของเอสเคลปิอัส เทพเจ้าแห่งการแพทย์ของกรีกโบราณ ต่อมาเอสเคลปิอัสอิจฉาลูกศิษย์ของตน เทพเซอุสช่วยไพอันให้พ้นภัยโดยสาปให้กลายร่างเป็นดอกโบตั๋น
 
ดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋น
 เทศกาลดอกโบตั๋นบาน เมืองลั่วหยาง (ใน 1 ปีมีจัดงานเทศกาลดอกโบตั๋นแค่ครั้งเดียว ช่วงประมาณวันที่ 5 - 25 เมษายน)
     ดอกโบตั๋น เป็นดอกไม้ที่มีความหมายพิเศษสำหรับชาวจีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นหนึ่งในดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน เป็นดอกไม้ที่มีความหมายดีๆ เป็นมงคล
     ดอกโบตั๋น แตกต่างจากดอกไม้ชนิดอื่น ๆ คือที่ก้านจะมีใบ 3 ใบ และในใบใหญ่แต่ละใบจะแตกออกเป็นใบเล็กอีก 3 ใ บ รวมทั้งหมด 9 ใบ จึงเป็นที่มาของคำเปรียบเปรยว่า "ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้มังกร 9 หัว" กล่าวคือเป็นดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความมั่งมีศรีสุข มีลาภยศยิ่งใหญ่ จิตรกรจีนมักจะวาดภาพดอกโบตั๋นสีสันสดใส และคนจีนก็นิยมนำไปประดับบ้านโดยเฉพาะที่ห้องรับแขก เพราะเชื่อกันว่าจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่ง โชคลาภและความร่ำรวย
ในสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นเป็นที่นิยมเพาะเลี้ยงกันในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งบางครั้งราคาประมูลขายกันแพงมาก จนสุดยอดกวีราชวงศ์ถังท่านหนึ่ง ชื่อ ไป๋จวีอี้ กล่าวไว้ว่า "อี้ฉงเซินเซ่อฮวา สือฮุจงเหรินฝู้" ซึ่งหมายความว่า "โบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก"
มีเรื่องเล่ากันว่าสมัยพระนางบูเช็คเทียน พระองค์เคยโปรดดอกโบตั๋นมาก สมัยนั้นโบตั๋นยังมีแพร่หลายในเมืองฉางอาน เมืองหลวงของจีนในสมัยนั้น หรือซีอานในปัจจุบัน วันหนึ่งในฤดูหนาว พระนางบูเช็คเทียน เกิดอยากชมดอกไม้ขึ้นมา จึงออกคำสั่งให้ดอกไม้บานโดยพร้อมเพรียงกัน มีแค่ดอกโบตั๋นเท่านั้น ที่ไม่ยอมบาน เนื่องจากเห็นว่าไม่ถึงฤดูกาล เมื่อดอกโบตั๋นไม่ยอมบาน พระนางฯ ก็โกรธมาก สั่งเผาอุทยาน แล้วให้ถอนรากถอนโคนดอกโบตั๋น เอาไปทิ้งที่เขาเป่ยหมาง ในเมืองลั่วหยาง แต่ไม่คิดว่าโบตั๋นจะปลูกได้ดีที่นี่ ลั่วหยางก็เลยกลายเป็นแหล่งเพาะปลูกโบตั๋นที่สำคัญไป และจากสาเหตุที่โดนเผา จึงกลายเป็นที่มาว่าทำไมต้นโบตั๋นจึงแห้งและมีสีเข้มเหมือนถูกไฟเผา
     ดอกโบตั๋น ในประเทศจีนจะออกดอกและบานในช่วงเดือนเมษายน ดอกโบตั๋นดอกหนึ่งจะมีอายุการผลิบานอยู่ราว 7-10 วัน "เทศกาลดอกโบตั๋นบานเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน เป็นเทศกาลชมดอกโบตั๋นที่สวยงามที่สุดในประเทศจีน"

ดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋น
ดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋นดอกโบตั๋น
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ภาพ วาด ลาย เส้น ดอก โบตั๋น
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ภาพ วาด ลาย เส้น ดอก โบตั๋น
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ภาพ วาด ลาย เส้น ดอก โบตั๋น

ความหมายของภาพดอกโบตั๋น ติดที่ห้องไหนถึงจะดี

ดอกโบตั๋น เป็นสัญลักษณ์ของความรักใคร่ ความสวยงามของเพศหญิงและความรู้สึกที่เป็นไปด้วยความรักของหนุ่มสาวและใช้เป็นสัญลักษณ์ตกแต่งหลักในศิลปะต่างๆของจีนเพื่อดึงดูดความรักและความมั่งคั่งร่ำรวย
null
  แล้วยังเป็นราชาแห่งดอกไม้ และเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีสำหรับเพศหญิง เชื่อกันว่าถ้าครอบครัวไหนอยากให้บุตรสาวมีชีวิตสมรที่มีความสุข ได้สามีที่ดี การแขวนรูปภาพดอกโบตั๋นรูปใหญ่ๆไว้ในห้องนั่งเล่นจะนำโชคเหล่านั้นมาสู่ครอบครัว 
 ไว้ที่ห้องไหนถึงจะเหมาะสม
   1. ภาพดอกโบตั๋นในห้องนั่งเล่น เพื่อเพิ่มสเน่ห์ให้สาวโสด ที่อยุ่ในวัยพร้อมจะแต่งงานและดึงดูดชายหนุ่มมากมาย พลังจากสัญลักษณ์ของดอกโบตั๋น จะช่วยให้ได้พบสามีที่ดีที่จะช่วยดูแลกันได้
2. วางต้นดอกโบตั๋นไว้ใกล้ประตูหน้าบ้าน ที่มุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในห้องนั่งเล่นเพื่อดึงดูดพลังแห่งความสุข ความหลงใหลและความตื่นเต้นในความสัมพันธ์ด้านใดด้านหนึ่งคล้ายกับโดนยาสเน่ห์
 3. สำหรับหนุ่มโสด ควรวางต้นโบตั๋นที่มุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ในห้องนอน เพื่อกระตุ้นพลังหยินให้มาอยู่รอบๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ดึงดูดให้มีการแต่งงานและยังช่วยนำหญิงสาวที่เหมาะสมเข้ามาในชีวิต
 ข้อควรระวัง ถ้าท่านแต่งงานแล้ว การแขวนรูปดอกโบตั๋นไว้ภายในห้องนอน จะทำให้สามีของท่านเจ้าชู้มากขึ้น จะสอดส่ายสายตามองหาผู้หญิงอื่น โดยเฉพาะถ้าพ้นช่วงข้าวใหม่ปลามัน ดังนั้น ต้องระมัดระวัง ดังนั้น ขอแนะนำให้แขวนรูปดอกโบตั๋นไว้ในห้องนั่งเล่นจะดีกว่า อย่าแขวนในห้องนอน ชีวิตสมรสจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น 
 ดอกโบตั๋น เป็นไม้ดอกสกุล Paeonia ในวงศ์ Paeoniaceae เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย ตอนใต้ของยุโรปและตะวันตกของอเมริกาเหนือ
     ดอกโบตั๋น ส่วนใหญ่เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 0.5–1.5 เมตร บางชนิดเป็นพุ่ม ลำต้นสูง 1.5-3 เมตร ลักษณะของใบเป็นใบประกอบ มีแฉกลึก ดอกใหญ่ และมักมีกลิ่นหอม มีหลายสี ตั้งแต่ แดง บานเย็น เหลือง ขาว ออกดอกในช่วงต้นฤดูร้อน
     ดอกโบตั๋น เป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในงานศิลปะมายาวนานและหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน โดยถือเป็นดอกไม้แห่งลาภยศและความร่ำรวย นิยมใช้ในเชิงสัญลักษณ์ในศิลปะจีนอีกด้วย
     ในปี ค.ศ.1903 ราชวงศ์ชิงประกาศให้โบตั๋นเป็นดอกไม้ประจำชาติ แต่ปัจจุบันนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ได้ใช้เป็นดอกไม้ประจำชาติตามกฎหมายอีกแล้ว และต่อมาเมื่อปี ค.ศ. 1994 มีการเสนอให้ใช้ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ประจำชาติอีก โดยการทำประชามติ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ กระทั่ง ค.ศ. 2003 มีการเสนอดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่มีการเลือกใช้ดอกโบตั๋นอีกเช่นกัน

 


ประโยชน์ สรรพคุณทางยา
แรกเริ่มเดิมทีนั้น ดอกโบตั๋นยังรู้จักกันไม่แพร่หลายนัก แค่ชาวจีนรู้กันว่าสามารถนำมาทำยาได้
ทั้งนี้ รากของดอกโบตั๋น สามารถใช้ทำเป็นยารักษาโรคระดูผิดปกติในผู้หญิง โรคหืด โรคชักได้
และสารสกัดจากดอกโบตั๋นยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงดูแลให้ผิวชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง
และเมื่อนำมาผสมผสานสารสกัดจากมะละกอ และผลเบอร์รี่จากแคริบเบียน
จึงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวรอบดวงตา Eye Off Shade เจลใส
ที่ช่วยแก้ไขปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา ช่วยให้ผิวรอบดวงตาคุณสดชื่น เปล่งปลั่ง

ข้อมูลจากเวป http://hilight.kapook.com
 

 
--------------------------------- 
 ขอขอบคุณที่มา

วาดหมึกจีนดอกโบตั๋น ki choo

 Cr-http://www.oceansmile.com/
 Cr-http://hilight.kapook.com/
 Cr-http://www.godsilaindy.com/
 และ ภาพ จาก Internet